เมนู

หลายจักเป็นอะไรแล้วจึงจักเป็นอะไรอีกในอนาคตกาล ดังนั้น เพราะฉะนั้น
จึงชื่อว่า สัตว์เหล่านั้นย่อมรำพันว่า เราทั้งหลายเคลื่อนจากภพนี้แล้ว
จักเป็นอะไรหนอ ?

เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า :-
สัตว์เหล่านั้น ปรารถนา ขวนขวายหลงใหลอยู่
ในกามทั้งหลาย เป็นผู้ตกต่ำ ตั้งอยู่ในธรรมอันไม่เสมอ
ถึงทุกข์เข้าแล้วย่อมรำพันอยู่ว่า เราทั้งหลายเคลื่อนจากภพ
นี้แล้ว จักเป็นอะไรหนอ.

[45] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า :-
เพราะฉะนั้นแล สัตว์ผู้เกิดมา พึงศึกษาในศาสนา
นี้แหละ พึงรู้กรรมอันไม่เสมออย่างใดอย่างหนึ่งในโลก
ว่าเป็นกรรมอันไม่เสมอ ไม่พึงประพฤติกรรมอันไม่เสมอ
เพราะเหตุแห่งกรรมอันไม่เสมอนั้น นักปราชญ์ทั้งหลาย
ได้กล่าวชีวิตนี้ ว่าเป็นของน้อย.


ว่าด้วยสิกขา 3



[46] คำว่า เพราะฉะนั้นแล สัตว์ผู้เกิดมา พึงศึกษาใน
ศาสนานี้แหละ
มีความว่า คำว่า เพราะฉะนั้น คือ เพราะฉะนั้น
เพราะการณ์นั้น เพราะเหตุนั้น เพราะปัจจัยนั้น เพราะนิทานนั้น คือ
เพราะเห็นโทษนั้นในกามทั้งหลาย. คำว่า พึงศึกษา มีความว่า พึง
ศึกษาสิกขาทั้ง 3 คือ อธิศีลสิกขา 1 อธิจิตตสิกขา 1 อธิปัญญา
สิกขา 1

อธิศีลสิกขาเป็นไฉน ? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีศีล สำรวม
แล้วด้วยการสำรวมในปาติโมกข์ ถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจร เห็นภัย
ในโทษมีประมาณเล็กน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย ศีลขันธ์
น้อย ศีลขันธ์ใหญ่ ศีล ที่ตั้ง เบื้องต้น ความประพฤติ ความสำรวม
ความระวังปาก ประธานแห่งความถึงพร้อมด้วยกุศลธรรมทั้งหลาย นี้เรียก
ว่า อธิศีลสิกขา
อธิจิตตสิกขาเป็นไฉน ? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัด
จากอกุศลธรรมทั้งหลายบรรลุปฐมฌาณ มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิด
แต่วิเวกอยู่ เพราะวิตกและวิจารสงบไปจึงบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใส
แห่งใจในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและ
สุขเกิดแต่สมาธิอยู่. เพราะปีติสิ้นไปจึงมีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุข
ด้วยนามกาย บรรลุตติยฌานที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้
เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข เพราะละสุขและทุกข์ และดับโสมนัส
โทมนัสก่อน ๆ ได้ จึงบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข มีอุเบกขาเป็น
เหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ นี้เรียกว่า อธิจิตตสิกขา.
อธิปัญญาสิกขาเป็นไฉน ? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีปัญญา
ประกอบด้วยปัญญาอันให้ถึงความเกิดและความดับ อันประเสริฐ ชำแรก
กิเลสให้ถึงความสิ้นทุกข์ โดยชอบ ภิกษุนั้น ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า
นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เหล่านั้น
อาสวะ นี้เหตุให้เกิดอาสวะ นี้ความดับอาสวะ นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับ
อาสวะ นี้เรียกว่า อธิปัญญาสิกขา.

สัตว์ผู้เกิดมา เมื่อนึกถึงสิกขาทั้ง 3 นี้ เมื่อรู้ เมื่อเห็น เมื่อพิจารณา
เมื่ออธิษฐานจิต เมื่อน้อมใจไปด้วยความเชื่อ เมื่อประคองความเพียร
เมื่อตั้งสติ เมื่อตั้งจิต เมื่อรู้ชัดด้วยปัญญา เมื่อรู้ยิ่งซึ่งธรรมที่ควรรู้ยิ่ง
เมื่อกำหนดรู้ซึ่งธรรมที่ควรกำหนดรู้ เมื่อละธรรมที่ควรละ เมื่อเจริญธรรม
ที่ควรเจริญ เมื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้ง พึงศึกษา พึงประพฤติ
เอื้อเฟื้อ พึงประพฤติเอื้อเฟื้อโดยชอบ สมาทานประพฤติ.
คำว่า ในศาสนานี้ คือ ในความเห็นนี้ ในความควรนี้ ในความ
ชอบใจนี้ ในความยึดถือนี้ ในธรรมนี้ ในวินัยนี้ ในธรรมวินัยนี้ ใน
ปาพจน์นี้ ในพรหมจรรย์นี้ ในสัตถุศาสน์นี้ ในอัตภาพนี้ ในมนุษย
โลกนี้.
คำว่า สัตว์ผู้เกิดมา คือสัตว์ นระ ฯลฯ มนุษย์เพราะฉะนั้น
จึงชื่อว่า เพราะฉะนั้นแล สัตว์ผู้เกิดมา พึงศึกษาในศาสนานี้
แหละ.

[47] คำว่า พึงรู้กรรมอันไม่เสมออย่างใดอย่างหนึ่งในโลก
ว่าเป็นกรรมอันไม่เสมอ
มีความว่า คำว่า อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ
ทั้งปวงโดยอาการทั้งปวง ทั้งปวง โดยประการทั้งปวง ไม่เหลือ ไม่มี
เหลือ, คำว่าอย่างใดอย่างหนึ่ง นี้เป็นเครื่องกล่าวกรรมทั้งสิ้น.
คำว่า พึงรู้ว่าเป็นกรรมอันไม่เสมอ มีความว่า สัตว์ผู้เกิดมา
พึงรู้ พึงรู้ทั่ว รู้แจ้ง รู้เฉพาะ แทงตลอด กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม
ปาณาติบาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาท ปิสุณาวาจา
ผรุสวาจา สัมผัปปลาปะ อภิชฌา พยาบาท มิจฉาทิฏฐิ สังขารทั้งหลาย

กามคุณ 5 นิวรณ์ 5 เจตนาความปรารถนา ความตั้งใจ อันไม่เสมอ
ว่าเป็นกรรมอันไม่เสมอ คำว่า ในโลก คือ ในอบายโลก ฯลฯ อายตน-
โลก เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า พึงรู้กรรมอันไม่เสมออย่างใดอย่างหนึ่ง
ว่าเป็นกรรมอันไม่เสมอ.

[48] คำว่า ไม่พึงประพฤติกรรมอันไม่เสมอเพราะเหตุ
แห่งกรรมอันไม่เสมอนั้น
มีความว่า สัตว์ผู้เกิดมา ไม่พึงประพฤติ
ไม่พึงเอื้อเฟื้อประพฤติ ไม่พึงเอื้อเฟื้อประพฤติโดยชอบ ไม่พึงสมาทาน
ประพฤติซึ่งกรรมอันไม่เสมอ เพราะเหตุแห่งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม
ปาณาติบาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาท ปิสุณวาจา
ผรุสวาจา สัมผัปปลาปะ อภิชฌา พยาบาท มิจฉาทิฏฐิ สังขารทั้งหลาย
กามคุณ 5 นิวรณ์ 5 เจตนาความปรารถนา ความตั้งใจอันไม่เสมอ
เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า ไม่พึงประพฤติกรรมอันไม่เสมอเพราะเหตุ
แห่งกรรมอันไม่เสมอนั้น.


ชีวิตน้อยด้วยเหตุ 2 ประการ



[49] คำว่า นักปราชญ์ทั้งหลายได้กล่าวชีวิตนี้ว่าเป็นของ
น้อย
มีความว่า ชีวิต ได้แก่อายุ ความตั้งอยู่ ความดำเนินไป ความ
ให้อัตภาพดำเนินไป ความหมุนไป ความเลี้ยง ความเป็นอยู่ ชีวิตินทรีย์
ก็ชีวิตน้อยโดยเหตุ 2 ประการ คือ ชีวิตน้อยเพราะตั้งอยู่น้อย 1 ชีวิตน้อย
เพราะมีกิจน้อย 1.
ชีวิตน้อยเพราะตั้งอยู่น้อย เป็นอย่างไร ? ชีวิตเป็นอยู่แล้วใน
ขณะจิตเป็นอดีต ย่อมไม่เป็นอยู่ จักไม่เป็นอยู่ ชีวิตจักเป็นอยู่ในขณะจิต